Monthly Archives : Февраль 2011

คุณพร้อมกับการทำศัลยกรรมเสริมความงามมากแค่ไหน?


ศัลยกรรมความงามที่เป็นเรื่องธรรมดา


ทุกวันนี้การทำศัลยกรรมเพื่อเสริมเติมแต่งความงามได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายแล้วนะคะ ไม่เหมือนในสมัยก่อนที่สาวๆ คนไหนไปทำมาต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าไปทำโน่นเติมนี่มา จนจะพูดได้เลยว่าการทำศัลยกรรมความงาม ไม่ว่าจะเป็นการเสริมจมูก ทำตาสองชั้น ดึงหน้า หรือเสริมหน้าอก กลายเป็นเรื่องที่ง่ายไปซะแล้วก็คงไม่ผิด แต่รู้ไหมคะว่า ถึงแม้การทำศัลยกรรมจะช่วยเปลี่ยนและเสริมสร้างรูปลักษณ์ของเราให้ดีอย่างใจฝันได้มากแค่ไหน มันก็มีผลกระทบในระยะสั้นและยาวกับตัวเราเองเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใครบ้างละคะที่ไม่อยากสวย ไม่อยากดูดี จริงไหม ดังนั้นถ้าเริ่มต้นคิดอยากสวยด้วยมือแพทย์ขึ้นมาเมื่อไหร่ สาวๆทุกคนก็ควรที่จะมานั่งสำรวจตัวเองกันดูก่อนว่า มีความพร้อมที่จะทำมากแค่ไหน กับเงื่อนไข 4 ข้อต่อไปนี้ที่คุณต้องตัดสินใจยอมรับในการทำศัลยกรรมความงามค่ะ


ข้อจำกัดของอายุ


[caption id="attachment_2686" align="alignnone" width="444" caption="ภาพจาก corbisimages.com"]ศัลยกรรมความงามกับข้อจำกัดทางอายุ[/caption]



ต้องยอมรับกันก่อนเลยว่า การทำศัลยกรรมไม่อาจช่วยเนรมิตได้ทุกอย่างจริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของ “อายุ” ถ้าช่วงอายุของคุณเดินไปใกล้วัยทองเข้าทุกที แต่อยากดูดีเหมือนเด็กอายุ 20 ต้นๆ การทำศัลยกรรมไม่ใช่คำตอบนะคะ นั่นคือการตั้งความคาดหวังไว้เกินจริงมากๆ จนหมอไม่อาจทำให้คุณ แต่ถ้าหมอคนไหนพูดว่าทำได้ จำไว้เลยว่าเขาโกหกเพราะอยากได้คุณไปเป็นลูกค้าแน่นอน ทำใจยอมรับกับสภาพที่จะออกมาหลังการผ่าตัดไว้ด้วยนะคะ


อารมณ์ ณ ช่วงเวลานั้น

ถึงการทำศัลยกรรมจะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ สิ่งของคุณให้ดูดีขึ้นได้ก็จริง แต่อารมณ์ระหว่างการตัดสินใจทำก็เป็นสิ่งสำคัญนะคะ อย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ ว่าอยากทำศัลยกรรมเพราะคุณอยากดูดีเนื่องจากพึ่งเลิกกับแฟน อยากทำเพราะพึ่งเปลี่ยนงานใหม่ เลยอยากดูดีเพื่อให้เข้ากับสังคมใหม่ๆได้ หรือกำลังอยู่ในอาการโศกเศร้าอยากเปลี่ยนชีวิตตัวเอง นั่นคือการตัดสินใจเดินหน้าทำ เพราะต้องการตอบโต้เหตุการณ์สำคัญที่เกิดกับชีวิต โดยไม่ได้คิดถึงผลข้างเคียงที่จะตามมาเลยค่ะ คุณต้องรู้ก่อนว่า สิ่งที่คุณกำลังจะทำนั้นถึงมันจะทำให้คุณเปลี่ยนแปลงได้ดั่งใจก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด ด้วยเงินทองที่ต้องเสียไป ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นจากอาการแสบบวมแดงหลังการผ่าตัด ไม่ใช่ว่าผ่าเสร็จปุ๊ปจะสวยปั๊ปจริงไหมคะ ยังไงก็ต้องตัดสินใจให้ดีๆ


อาจไม่สวยดั่งฝันเสมอไป แต่ยังไงก็ดูดี

เวลาส่องกระจกคุณมองเห็นหน้าตาตัวเองเป็นอย่างไรกันบ้าง? มีแต่จุดด้อยเต็มไปหมด หรือดูดีแต่ต้องอาศัยการเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย เคยได้ยินไหมคะว่า โครงหน้าของคนแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ถึงจะเอเซียเหมือนกันก็เถอะ อย่างที่ประเทศเกาหลีที่เห็นทำศัลยกรรมออกมาแล้วสวยดูดีกันทุกคน แต่บ้านเราไม่ทำจะดีกว่าก็มี นั่นอาจเป็นเพราะโครงหน้าของเขาเหมาะกับการทำศัลยกรรมจริงๆ ก็ได้ หรือไม่ก่อนทำก็มีเค้าโครงความสวย ความน่ารักอยู่แล้ว ถ้าคุณส่องกระจกแล้วเห็นแต่จุดด้อยบนหน้าของตัวเองเพียงอย่างเดียว การทำศัลยกรรมอาจไม่ทำให้คุณสวยเหมือนนางงามได้ภายในชั่วข้ามคืนนะคะ เพราะถ้าคิดแบบนี้มีโอกาสผิดหวังอยู่มาก แต่ปัญหานี้ก็ยังพอแก้ได้นะคะ ด้วยนวัตกรรมใหม่อย่าง กล้องสามมิติ Virtual 3D Scan ที่ BB Clinic สถาบันเสริมความงามตามแบบฉบับเกาหลีที่สามารถ สแกนใบหน้า และจำลองภาพเสมือนจริงหลังทำศัลยกรรม ซึ่งมีอัตราความเหมือนอยู่ที่ 90% เลยนะคะ เจ้าเครื่องนี้จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้ดีมากทีเดียว ถ้าเห็นแล้วไม่ชอบจะเปลี่ยนใจไม่ทำก็ได้ ไม่มีอะไรเสียหาย ดีกว่าพลาดทำไปแล้วต้องมากลุ้มใจทีหลังค่ะ


สุขภาพก่อน-หลังการทำศัลยกรรมความงามก็เป็นสิ่งสำคัญ

ศัลยกรรมความงามเหมาะกับคนที่มีสุขภาพแข็งแรง


ก่อนทำศัลยกรรมอย่าลืมปรึกษาแพทย์ หรือตรวจเช็คร่างกายให้ดีก่อนนะคะ ว่าช่วงนี้ฟิตพอที่รับการผ่าตัดได้รึเปล่า ถ้าไม่อย่าคิดฝืนทำเด็ดขาด ถ้าอยากทำศัลยกรรม สิ่งที่จำเป็นต้องปฎิบัติอย่างเคร่งครัดก็คือการออกกำลังกายค่ะ รวมถึงต้องดูแลผิวพรรณอย่างจริงจังด้วยในกรณีที่ผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้ว เพราะการทำศัลยกรรม ไม่ได้ทำให้คุณดูสวยขึ้นเป็นอมตะอยู่ตลอดยังไงก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่ดีเหรอค่ะ ถ้าคุณมีพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาที่สวยงามและสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ตลอดเวลา ยิ่งถ้าคุณอายุมากแล้วก็ยิ่งต้องดูแลรักษาร่างกายให้มากกว่าปกติ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ ทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่าเครียด สิ่งเหล่านี้จะช่วยชะลอระยะเวลาของสังขารตามธรรมชาติที่จะมาเยือนคุณอีกครั้งให้ช้าลงอีกเยอะเลยคะ


เป็นยังไงบ้างคะกับเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อนี้ ถ้าคุณอ่านครบทุกข้อแล้วพบว่าทุกอย่างพร้อม อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ ก็เริ่มได้เลยค่ะ แต่อย่าลืมเลือกสถาบันเสริมความงามที่มีชื่อเสียงไว้วางใจได้นะคะ จะได้ช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าสิ่งที่กำลังตัดสินใจทำอยู่ตอนนี้ต้องออกมาดีอย่างแน่นอนค่ะ


ดึงหน้า ไม่ง้อ ศัลยกรรม เหมาะกับใคร ??


ด้วยความที่ผมเป็น หมอศัลยกรรมตกแต่ง เมื่อมีคนไข้ต้องการดึงหน้า ผมมักคิดในใจเสมอว่า งานเข้าซะแล้ว เพราะอะไรนั่นเหรอครับ ก็เพราะการผ่าตัดดึงหน้า แล้วทำให้เกิดความพึงพอใจ ทั้งผู้ป่วยและตัวหมอเองเป็นเรื่องยาก สาเหตุมาจาก การผ่าตัดดึงหน้า ไม่สามารถแก้ไขในสิ่งที่คนไข้ต้องการได้จริงๆ นะซิครับ


ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมใบหน้าเราถึงได้ แก่ หรือ ดูมีอายุ ซึ่งผมจะไล่เป็น ข้อๆจากหน้าผากถึงคาง โดยจะแบ่งเป็น เรื่องของ เนื้อเยื่อที่หย่อนยาน กับ การเกิดรอยย่น


สาเหตุที่ทำให้คนดูหน้าแก่มีรอยย่น


ภาพก่อนหลังการดึงหน้า


เมื่อเราดูจากรูปด้านบนทำให้เราทราบแล้วว่า ทำไมเราถึงดูแก่ ต่อไปเราก็มาหาวิธีการแก้ไขกันเถอะ คิดง่ายๆว่า ถ้าเราต้องการแก้ไขทั้งหมด 8 ข้อดังกล่าว หมอบอกได้คำเดียวว่า  จะแก้ไขด้วยการผ่าตัดอย่างเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้
การผ่าตัดดึงหน้านั้น เหมาะสำหรับ คนที่มีหน้าผากย่น หัวคิ้วย่น  หนังตาตก ถุงใต้ตา และ เนื้อเยื่อข้างแก้มหย่อนมากๆเท่านั้นเอง นอกนั้นจะถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย และที่สำคัญ การผ่าตัดดึงหน้านั้นเหมาะกับคนไข้ที่ อายุ 40 ปลายๆ จนถึง 50 ปลายๆเท่านั้นเอง  เพราะ ถ้าอายุมากกว่านี้ การทำการผ่าตัดไปอาจไม่ช่วยอะไรได้มาก เนื่องจากเนื้อเยื่อส่วนใหญ่เริ่ม ผ่อลีบแล้ว ทำการผ่าตัดไปอาจ เหมือนเดิม หรือดีขึ้นเล็กน้อย
แล้วถ้าอายุไม่ถึง เช่น วัย 35- 45 ละ ควรทำยังไง? ในเมื่อเริ่มสังเกตว่า เราแก่ขึ้น แต่ในเมื่อผ่าตัดก็ไม่คุ้ม แถมบางครั้ง หน้าตาเราก้ยังไม่ได้ย่นเหมือน 8 ข้อดังกล่าวข้างต้นด้วย


ก่อนขึ้นหมอก็ขอออกตัวก่อนว่า หมอเองก็มีอายุอยู่ในช่วงดังกล่าว แต่ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยคิดจะทำหน้า ไม่เคยคิดว่าอยากจะทำอะไรกับหน้าตัวเองเลย แม้ว่าตัวเองเป็นหมอผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งก็ตาม คิดอยู่เสมอว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็น เรื่องธรรมชาติ แถมอีกหน่อยคือ เมื่อคนเราอยู่ใต้แรงดึงดูดของโลก ย่อมเหี่ยวย่นเป็นธรรมดา


จนเมื่อไม่นานมานี้ ทาง BB Clinic ได้นำเครื่องมือใหม่มา ชื่อ Regen Tripolar ( จริงๆ ก็คือ เครื่อง RF – Radio frequency generation ที่ 3  ) ซึ่งหมอเองก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร เพราะคิดในใจเสมอว่า เครื่องมือหลอกเด็กจะมาสู้ มีดหมอได้ยังงัย ??   ถามเด็กในร้านว่าคนไข้ทำแล้วเป็นงัย เด็กๆก็บอกว่า คนไข้ชอบ  ไม่เจ็บ แต่ร้อนนิดๆ แตได้ผลดี  หมอก็บอกว่า หรอ? จนบ่อยเข้า คนไข้ก็มาทำกันมากขึ้น  หมอก็เลยคิดในใจว่า  “ น่าสนดีนะ เพราะไม่เจ็บด้วย  แต่ว่าเราก็หน้าตาไม่มีรอยย่นเลยนะ ไม่เป็นไรทำเล่นๆก็ได้ “ ผลปรากฏว่า   WOW! ไม่แน่ใจว่า รู้สึกไปเองหรือเปล่า รู้สึกว่า หน้าตาเราดูดีขึ้นนะ ไม่ใช่ว่าดูตึงแต่ ว่าดูดีขึ้น แม้ว่าเพิ่งทำไปครั้งเดียวเอง


กล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ใช้แสดงออกทางสีหน้า
ภาพจาก MedicalLook.com


ผมก็เลยกลับมานั้งคิดว่า ทำไม? ก็เลยนึกถึง สมบัติ เมธนี พระเอกตลอดกาลว่า เค้าเข้า Fitness เล่นกล้ามตลอด ทำให้ถึงแม้อายุ 70 แล้วแต่ก็ยังหุ่นดีดูฟิต แข็งแรงกว่าคนทั่วไปในวัยเดียวกัน ซึ่งบนใบหน้าเราเองก็มีกล้ามเนื้อเหมือนร่างกาย มีไว้สำหรับการแสดงสีหน้า ( Facial Expression ) ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 14 คู่ 34 มัด    ถ้าใบหน้าได้ออกกำลังกายซะบ้าง เหมือนกล้ามแขนของพระเอกตลอดกาลของเรา ก็สามารถทำให้ใบหน้าดูกระชับได้เหมือนกัน ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้นึกถึง การออกกำลังกายใบหน้าด้วยการหัวเราะ หรือ การทำโยคะใบหน้า ที่เป็นเคล็ดไม่ลับของการทำให้หน้าเต่งตึงอ่อนกว่าวัย และดูแจ่มใสอยู่เสมอ


การแสดงออกทางสีหน้าและใบหน้า


เมื่อเอาเหตุผล และทฤษฎีทางกายภาพเบื้องต้นมาบวกลบรวมกันแบบวิทยาศาสตร์ ก็เลยได้คำตอบว่า การยกกระชับหน้าด้วย เครื่องมือทางการแพทย์ เช่นการส่งคลื่นเสียง ( RF และ Utrasonic ) ไปยังกล้ามเนื้อใบหน้า ก็สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าได้ออกกำลังได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผลที่ได้ ก็คงเหมือนคนออกกำลังกายบ่อยๆแล้วมีกล้ามเนื้อที่ดูฟิตกระชับ ดูแข็งแร็งทั้งจากภายในภายนอกเหมือนกัน