ตีพิมพ์ในนิตยสาร Hair Today
ฉบับเดือนเมษายน 2544
» ต้องการเสริมจมูก ควรจะเลือกใช้ซิลิโคนแบบไหนดี » คำถามนี้เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตสำหรับลูกค้าของ BB Clinic หลายคนสงสัยว่า ใบหน้าอย่างเค้า จะเหมาะกับซิลิโคนแบบไหน เพราะจากการลองสอบถามมาหลายที่ แต่ละที่ก็บอกไม่เหมือนกัน บางที่มีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่ซิลิโคนของไทย, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลี และที่แปลกคือบางที่ก็มีซิลิโคนของอเมริกาและของบราซิลด้วย แถมการตั้งราคาของซิลิโคนเหล่านี้ ก็ค่อนข้างสูงแตกต่างไปตามแหล่งที่มาด้วยเช่นกัน
คำถามก็เกิดขึ้นมากมายว่า แล้วแต่ละที่มา มันดีแตกต่างกันอย่างไร แล้ว คนไข้แต่ละคนเหมาะกับแบบไหน ราคาแพงกว่าย่อมดีกว่าหรือเปล่า ก่อนจะตอบคำถามผม ขอย้อนถึงบทความก่อนหน้านี้ให้ฟังก่อนว่า ซิลิโคนที่สามารถนำมาใช้ในร่างกายคนไข้ได้นั้นต้องเป็น ซิลิโคนที่ผลิตขึ้นมาใช้ในการแพทย์ได้เท่านั้น หรือที่ เรียกว่า Medical Grade Silicone ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีโรงงานที่สามารถผลิต Medical Grade Silicone ได้ครับ ดังนั้นการที่ใช้ชื่อเรียกกันว่า ซิลิโคนของไทย (ลักษณะ แข็งๆ สีเทา) นั้นจึงไม่ถูกต้องซะทีเดียวครับ
ส่วนที่บอกว่า เป็นซิลิโคนของอเมริกา และของบราซิลนั้น ก็อยากจะชี้แจงว่า ถึงประเทศดังกล่าวจะมีเทคโนโลยีที่สามารถ ผลิต Medical Grade Silicone ได้ แต่เค้าจะผลิตมาทำไม ในเมื่อทั้งคนอเมริกาและคนบราซิล ก็มีจมูกโด่งมากอยู่แล้ว และการเสริมจมูก ( Rhinoplasty ) ของฝรั่งนั้น โดยส่วนใหญ่คือการลดขนาดของจมูก การปรับรูปทรงจมูกให้ดูสวยงาม ไม่งุ้มงอ ไม่โด่ง หรือใหญ่จนเกินไป ซึ่งจะแตกต่างจากการเสริมจมูก (เสริมดั้ง) แบบชาวเอเชีย ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า แทบจะไม่มีการนำซิลิโคนมาใช้ในการเสริมจมูกเลยด้วยซ้ำ สำหรับประเทศแถบโน้น
ซึ่งหมายความว่า ซิลิโคนของบริษัทต่างๆ นำเข้ามาใช้ในประเทศไทยนั้นนำเข้ามาจากจีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และ เกาหลี ซึ่งบอกได้เลยครับว่า ฐานการผลิต หรือโรงงานที่ ผลิตนั้น อยู่ที่ จีนแผ่นดินใหญ่ครับ (คล้ายๆสินค้าพวกอุปกรณ์ไฟฟ้า อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ ที่ผลิตในจีนแล้วไปตีตรายี่ห้อ USA) ตอนนี้จึงพอจะเข้าใจกันแล้ว ใช่ไหมครับว่า จริงๆ แล้ว Silicone นั้นมีที่มาจากที่ แห่งเดียวกัน แล้วทำไม มันถึงแตกต่างทางด้าน ราคานัก แล้วอย่างนี้ คนไข้ จะตัดสินใจเลือกอย่างไรดี
ผมขอแนะนำดังนี้ครับจริงๆแล้ว Medical Grade Silicone นั้นมีแค่ 2 แบบใหญ่ๆ คือ
1) ซิลิโคนสำเร็จรูป (คือซิลิโคนที่ทำมาสำเร็จแล้ว)
2) ซิลิโคนแท่ง (คิอซิลิโคนที่เป็นแผ่นใหญ่แล้ว นำมาเหลา) ซึ่ง ซิลิโคนแท่งนั้นแบ่ง ออกเป็น 4 ชนิดย่อยตามลักษณะความอ่อนแข็ง คือ
2.1 ) Hard (แข็ง)
2.2 ) Medium (แข็งปานกลาง)
2.3 ) Soft (นุ่ม)
2.4 ) Utra Soft (นุ่มมาก)
เมื่ออ่านถึงตรงนี้คนส่วนใหญ่จะคิดว่า งั้นของเราเลือกแบบ นิ่มๆๆ นุ่มๆ ดีกว่า จะได้จับได้บิดได้ เผื่อเดินไปชนอะไรจะได้ไม่เกิดปัญหา ซึ่งหมอบอกได้เลยว่า เป็นความคิดที่ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะว่า ถ้าซิลิโคนนุ่มเกินไป จะไม่สามารถเหลาขึ้นรูปทรงให้สวยงามได้ เพราะมันนิ่มมาก นอกจากนี้ ยิ่งมันนิ่มมากแล้วเข้าไปอยู่ใต้ผิวหนังเรา ต่อไปซักพักซิลิโคนที่ นุ่มมากๆนั้นจะยุบตัวลงไปอีก ทำให้ดูไม่โด่งเหมือนไม่ได้ทำมา ( ตรงนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้คนคิดว่าเสียเงินเสริมจมูกแสนแพง แต่กลับดูเหมือนไม่ได้ทำมา)
หมอขอแนะนำว่าแต่ละคนมีผิวใบหน้าไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกซิลิโคนควรจะขึ้นกับความหนาบางของผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณสันจมูกและ ปลายจมูก โดยมีวิธีการเลือกดังนี้ครับ
1) คนไข้ มีเนื้อบริเวณสันจมูกเยอะ หรือมีความหนา (คือ สามารถดึงเนื้อขึ้นได้เยอะ) สามารถเสริมจมูกให้โด่งได้มาก รวมถึงสามารถใช้ Silicone ที่มีความแข็งในระดับ Medium ได้ เพื่อที่จะสามารถเหลาซิลิโคนทำให้รูปทรงสวยงามได้ เพราะนอกจากจะดูสวยและเนียนแล้ว ยังไม่ยุบตัวง่ายเมื่อเสริมไปนานๆ ในกรณีนี้หมอจะเลือกให้ซิลิโคนสีขาว หรือที่คนไข้เข้าใจว่าเป็นซิลิโคนของอเมริกา
2) คนไข้มีเนื้อบริเวณสันจมูกไม่มากไม่น้อยกลางๆ หมอแนะนำให้ใช้ซิลิโคนที่มีความแข็งในระดับ Soft ครับ เพราะ เมื่อเสริมไปแล้ว จมูกจะดูโด่งและสวย ถึงแม้ว่า เวลาผ่านไปก็จะยิ่งดูเนียนขึ้น ในกรณีนี้ หมอจะเลือกใช้ซิลิโคนสีเหลือง หรือ สีน้ำตางแดงครับ ที่คนไข้เข้าใจว่าเป็นซิลิโคนของญี่ปุ่น หรือของเกาหลี
3) คนไข้เนื้อบริเวณสันจมูกน้อย หรือเนื้อบางมากๆ (คือไม่สามารถดึงเนื้อบริเวณสันจมูกขึ้นได้เลย ) กรณีนี้ หมอไม่แนะนำให้เสริมจมูกโดยการใช้ซิลิโคนครับ เพราะเนื้อที่จมูกบางมากๆอยู่แล้ว ถ้าใส่ซิลิโคนไป ตอนที่เนื้อแนบกับซิลิโคน จะทำให้จมูกดูโด่งถึงโด่งมากครับ กรณีนี้ ถ้าคนไข้อยากเสริมจริงๆ คงต้องแนะนำให้ เสริมแบบการฉีด Collagen ครับน่าจะเหมาะสมกว่า
สำหรับที่ BB Clinic นั้นเราใช้ซิลิโคนอยู่ 2 ชนิดคือแบบ Medium และแบบSoft โดยเราจะทำการตรวจจมูกของคนไข้ก่อนทำการเสริม แล้วประเมินดูว่า คนไข้เหมาะกับซิลิโคนชนิดไหนตามที่กล่าวมาข้างต้นครับ