เมื่อ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เข้าร่วมงานประชุม สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศ ทำให้ได้มีโอกาสเดินดู นวัตกรรมใหม่ที่บริษัทเวชภันฑ์ต่างๆ นำมาแสดงที่งาน เดินไปเดินมาก็ เหลือบไปเห็น Silicone สำหรับเสริมจมูกชนิดพิเศษชนิดหนึ่ง
ความพิเศษในที่นี้หมายความว่า เป็น Silicone ที่ผมเคยตามหาอยู่เป็นเวลานานหลายปี แต่ ไม่เคยมีบริษัทเวชภัณฑ์ที่ไหนนำเข้ามาเลย เพราะ ราคาค่อนข้างสูง จึงไม่ได้รับความนิยมในการใช้ในตลาดซักเท่าไรนัก
เกริ่นมานาน หมอจึงอยาก บอกรายละเอียดความพิเศษ ของเจ้า Silicone ตัวนี้กันนะครับ
โดยปกติ Silicone Block ทั่วไป จะมีความแข็ง หรือ นิ่มของเนื่อ Silicone เท่ากันตลอดทั้งแผ่น เช่น แข็ง ก็แข็งไปเลย นิ่มก็นิ่มไปเลย ซึ่ง ทำให้เกิดผลเสียในผู้ป่วยที่ ต้องการเสริมให้ปลายจมูกยาวๆ มีหยดน้ำ เพราะปลายจมูกที่มี Silicone แข็ง อยู่จะทำให้เกิดการทะลุได้ และถ้าอยากได้ ทรงจมูกสวยๆ และมีปลายหยดน้ำ การใช้ Silicone ที่นิ่มเกินไป ก็ไม่อาจได้ทรงที่ต้องการได้ เพราะเมื่อ Silicone นั้น นิ่มเกินไป แพทย์ก็ไม่สามารถขึ้นรูปทรงได้ดี
ดังนั้นจึงทำให้คนไข้ส่วนใหญ่ที่ต้องการปลายหยดน้ำ และมีความปลอดภัยไม่เกิดการทุละที่ปลายจมูก จึงหันไปใช้บริการ การเสริมจมูกแบบเกาหลี ( Open technique + Tip cartilage graft ) โดยมีความมั่นใจว่า ปลายจมูกของตัวเองที่ใช้กระดูกอ่อนหลังหูมาทำนั้น จะปลอดภัย ซึ่งการใช้กระดูกอ่อนนั้นก็ปลอดภัยจริงครับ ในแง่ว่ากระดูกอ่อนจากหลังหูก็เป็นเนื้อเยื่อของเราเอง และจะไม่ทำให้เกิดการทะลุตรงปลายจมูกแน่ๆ
แต่ทั้งนี้ก็มีข้อเสียเหมือนกันตรงที่ว่า คนไข้ที่เข้าไปรับการรักษาด้วยวิธีนี้ ร้อยละ 3-10 เกิดปัญหาอื่นๆตามมา โดยปัญหาที่พบบ่อยสุดคือ ปลายจมูกที่ใช้จมูกอ่อนมาเสริมนั้น ยุบ ( ทรุดตัว ) ทำให้ปลายจมูกดู บุบๆๆ
ตรงนี้เป็นผลเนื่องมาจาก การเอากระดูกอ่อนหลังหูมาใช้นั้น จะทำให้เลือดในบริเวณปลายจมูกมาเลี้ยง cartilage graft ไม่พอ ทำให้ กระดูกอ่อนที่นำมาใช้นั้นเกิดการขาดเลือดและเริ่มยุบตัว ( Contraction of Nasal tip ) บางคนมีอาการปลายจมูกแดง บางคนปลายจมูกยุบ หรือบุ๋ม ไม่เท่ากัน แถมแก้แล้ว แก้อีก ก็ไม่ดีเหมือนตอนที่หลังทำใหม่ๆๆ ( 2-3 เดือนแรก ) แพทย์หลายท่านพยายามเร่งแก้ไข ซึ่งยิ่งเร่งแก้ไขเร็วเกินไปก็มักได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี และทำให้ปลายจมูกเสียรูปทรงไปถาวร
เมื่อเทียบกับข้อดีของการใช้ Utra Soft Tip Silicone ตัวนี้ ที่มีทั้งความแข็งและนิ่ม อยู่ในซิลิโคนบล๊อคเดียวกัน ในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ดังนั้นจึงหมายความว่า ตรงส่วนสันจมูก เราสามารถใช้ส่วนที่มีความแข็งของ Silicone ทำให้ สันจมูกดูโด่ง และใช้ส่วนนิ่มของ silicone ( ส่วนที่เป็นลักษณะใสๆ ) สร้างปลายจมูกหยดน้ำ ซึ่งทำให้ลดอัตราการเกิดการทะลุปลายได้นั่นเอง
จากในภาพด้านบน จะเป็นภาพเปรียบเทียบ ลักษณะ Silicone ธรรมดา (อันด้านบน) เทียบกับ Utra Soft Tip Silicone (อันด้านล่าง)
ซิลิโคนได้ถูกพัฒนาขึ้นมาตลอดหลายยุคสมัย ทั้งนี้ได้มีการปรับปรุงเพื่อแก้ไขสิ่งบกพร่องของนวัตกรรมก่อนหน้านั่นเอง
ยุคที่ 1 : เมื่อ 20 ปีก่อน การเสริมจมูกจะใช้ Block Silicone นำมาเหลา เพื่อให้ได้ รูปร่าง Silicone ที่เหมาะสมในการเสริมจมูก แต่ก็พบปัญหาว่า Silicone นั้นมีความแข็งกว่าเนื้อ โดยเฉพาะปลายจมูกซึ่งเป็นตำแหน่งที่มักเป็นจุดที่ ทะลุบ่อยสุด สาเหตุการทะลุมักเกิดจาก
- ถูกกระแทกปลายจมูก
- Silicone มีความยาวเกินจมูกเดิม ( ทำเพื่อต่อความยาวจมูก ) ให้มีปลายจมูก
- Silicone ค่อยๆเคลื่อนลงมาที่ปลายจมูก
แต่ถ้าเสริมจมูกแบบปลอดภัย ก็สามารถทำได้โดยง่าย เพียงเสริมจมูกไม่ถึงปลายจมูก ซึ่งผลที่ได้ จมูกจะดูสั้นๆๆ ไม่สวย จึงได้มีการพัฒนาเทคนิคต่างๆ เพื่อสร้างปลายจมูกให้สวยๆ ก็คือการผ่าตัดแบบ Open Rhinoplasty + Cartilage graft at tip of nose หรือที่ หลายๆคนเรียกว่า การเสริมจมูกแบบเกาหลี ( หมอว่า เกาหลีเค้าไม่ได้คิดนะ ฝรั่งมันทำมาก่อน ) แต่อย่างที่กล่าวไว้ ว่า แม้การเสริมแบบเกาหลี ก็ยังมีปัญหาได้ ( คนไข้หลายคนเข้าใจว่า เสริมด้วยเนื้อเยื่อตัวเองปลอดภัยไม่มีปัญหา อันนี้หมอว่าเป็นการมองเพียงด้านเดียว ซึ่งในความเป็นจริงนั้นก็มีปัญหามากมายตามมาจากการเสริมแบบเกาหลี แต่อาจจะไม่ได้มีการบอกให้คนไข้ทราบหมด )
ยุคที่ 2 : เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ได้เริ่มมีการนิยมใช้ Silicone สำเร็จรูป ที่ทำพิมพ์ออกมาจากโรงงาน แล้วมาเหลาอีกที จากประสบการณ์ของหมอที่ ได้ไปศึกษาที่ เกาหลี บอกได้เลยว่า ร้อยละ 99 ของ Clinic ศัลยกรรมในเกาหลี ใช้ Silicone สำเร็จรูป ซึ่งข้อด้อยของซิลิโคนสำเร็จรูปคือ เมื่อเป็นของ สำเร็จรูป ก็ไม่ได้จะเหมาะกับหน้าของคนทุกคน และไม่เหมาะสำหรับคนชอบเสริมจมูกโด่งๆด้วยเช่นกัน เพราะ Silicone สำเร็จรูปมักมีขนาดความโด่งที่เป็นมาตราฐานนั่นเอง
ยุคที่ 3 : ปัจจุบัน ได้มีการนำ หลอดเลือดเทียม Gortex มาใช้ในการเสริมจมูก เนื่องจาก มีรูปพรุนทำให้เนื้อเยื่อแทรกเข้าไปใน Gortex ได้ ลดอัตราการเคลื่อนที่ลงต่ำของ Silicone จะได้ลดความเสี่ยงในการเกิดปลายทะลุ แต่ก็มีข้อเสียคือ ราคาแพง และการเหลาให้ได้รูปทรงค่อนข้างยาก นอกจากนี้แม้จะมีแบบสำเร็จรูป ก็ยังทำให้ได้รูปทรงที่สวยแบบที่ต้องการได้ยากอยู่ดี ดังนั้นเมื่อไม่สวย ก็ต้องแก้ไข และการแก้ Gortex เก่าที่เสริมไว้ออกนั้นก็ทำได้ค่อนข้างยาก เพรามันยึดติดกับกระดูกใบหน้าไปแล้ว
ดังนั้นแม้มีการ พัฒนา Utra Soft tip Silicone ออกมาเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของวัสดุที่นำมาใช้ก่อนหน้านั้น แต่ในเมื่อยังไม่มีการใช้อย่างแพร่หลาย จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่า Utra Soft tip Silicone นั้นดีที่สุด หรือสามารถลดการเกิดปลายจมูกทะลุ จาก Silicone ได้อย่าง 100 %